กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนใช่ไหมครับ? ด้วยตัวเลือกที่ละลานตาทั้งเมืองน่าเที่ยว ธรรมชาติสวย และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ การจัดทริปให้ลงตัวอาจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากสำหรับมือใหม่
เพื่อให้การไปเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกของคุณเป็นทริปที่น่าประทับใจและคุ้มค่าที่สุด เราได้รวบรวม "10 สุดยอดสถานที่" ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญซึ่งคุณไม่ควรพลาด บทความนี้คือคู่มือที่จะช่วยให้คุณค้นพบเสน่ห์ของญี่ปุ่นครบทุกมิติ ตั้งแต่ความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิไปจนถึงความคึกคักของย่านช้อปปิ้งในโอซาก้า ถ้าพร้อมแล้ว ไปเปิดลายแทงพร้อมกันเลย
โซนคันโต (Kanto) - สัมผัสความศิวิไลซ์และธรรมชาติใกล้กรุง
เริ่มต้นการเดินทางกันที่ โซนคันโต (Kanto) ซึ่งเปรียบเสมือนประตูบานแรกสู่ประเทศญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ที่นี่เป็นที่ตั้งของมหานครระดับโลกอย่าง โตเกียว ศูนย์กลางของแฟชั่น เทคโนโลยี และวัฒนธรรมป๊อปที่ทุกคนใฝ่ฝันถึง แต่เสน่ห์ของโซนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความล้ำสมัยในเมืองหลวงเท่านั้น เพราะเพียงเดินทางออกมาไม่ไกล คุณก็จะได้พบกับธรรมชาติอันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอย่าง ภูเขาไฟฟูจิ ตั้งตระหง่านอยู่อย่างงดงาม
เรียกได้ว่าโซนคันโตคือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่างความศิวิไลซ์และธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ทำให้คุณได้สัมผัสสองขั้วเสน่ห์ของญี่ปุ่นไปพร้อม ๆ กัน เรามาเริ่มตะลุยกันที่ใจกลางความทันสมัยอย่าง "กรุงโตเกียว" กันก่อนเลย
โตเกียว เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล

โตเกียวคือศูนย์กลางของประเทศญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยพลังงาน ที่นี่คุณจะได้พบกับการผสมผสานที่ลงตัวอย่างน่าทึ่งระหว่างความล้ำสมัยของตึกระฟ้าและแสงสีนีออน กับความสงบงดงามของวัดวาอารามและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมานาน ไม่ว่าคุณจะเป็นสายช้อปปิ้ง สายกิน หรือสายวัฒนธรรม เมืองหลวงแห่งนี้ก็มีทุกสิ่งตอบโจทย์ จนได้ชื่อว่าเป็น "เมืองที่ไม่เคยหลับใหล" อย่างแท้จริง และนี่คือสถานที่เราอยากแนะนำ
วัดเซ็นโซจิ (Senso-ji Temple) และย่านอาซากุสะ (Asakusa)
จุดเริ่มต้นที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปคือ ประตูคามินาริมง (Kaminarimon) หรือประตูสายฟ้า ที่มีโคมสีแดงขนาดมหึมาแขวนอยู่ เป็นสัญลักษณ์ที่ใครเห็นก็รู้ทันทีว่ามาถึงอาซากุสะแล้ว เมื่อผ่านประตูเข้ามาจะพบกับ ถนนนากามิเสะ (Nakamise-dori) ที่คึกคัก สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก ขนมพื้นเมืองอร่อย ๆ เช่น ขนมเซมเบ้ ขนมมันจูทอด และตุ๊กตาหนิงเงียวยากิ
เดินสุดทางจะพบกับอุโบสถหลักของ วัดเซ็นโซจิ ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว ผู้คนนิยมมาไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิม และกวักควันธูปเข้าหาตัวโดยเชื่อว่าจะนำสุขภาพที่ดีมาให้ ที่สำคัญย่านนี้ยังคงกลิ่นอายของโตเกียวยุคเก่าไว้ได้อย่างดีเยี่ยม คุณสามารถเช่าชุดกิโมโนเดินเล่น หรือลองนั่งรถลาก "จินริคิฉะ (Jinrikisha)" ชมเมือง ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)
ที่นี่คือห้าแยกที่โด่งดังที่สุดในโลก จุดเด่นคือภาพผู้คนนับร้อยนับพันคนที่เดินข้ามถนนพร้อมกันจากทุกทิศทางเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยน เป็นภาพสะท้อนพลังของโตเกียวที่น่าตื่นตาตื่นใจ หากอยากเก็บภาพมุมสูงของห้าแยก แนะนำให้ขึ้นไปที่ร้าน Starbucks ชั้น 2 ของตึก Tsutaya ซึ่งเป็นจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเมื่อมาญี่ปุ่นแล้วต้องไปเช็กอิน
นอกจากนี้ อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์สุนัขยอดกตัญญูฮาจิโกะ (Hachiko Statue) ซึ่งเป็นจุดนัดพบยอดนิยมและเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของย่านชิบูย่า ทั้งนี้ ชิบูย่าคือแหล่งรวมเทรนด์แฟชั่นและวัฒนธรรมของวัยรุ่นญี่ปุ่น เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Shibuya 109, ร้านค้า และคาเฟ่เก๋ ๆ มากมาย
ย่านชินจูกุ (Shinjuku)
ชินจูกุฝั่งตะวันตกจะเต็มไปด้วยตึกระฟ้าและอาคารสำนักงาน รวมถึง ตึกศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tokyo Metropolitan Government Building) ที่สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองได้ฟรี ส่วนฝั่งตะวันออกคือสวรรค์ของนักช้อปและแหล่งบันเทิงครบวงจร ที่นี่เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Isetan, Takashimaya และร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่าง Bic Camera และ Yodobashi Camera มีสินค้าทุกอย่างให้เลือกซื้อ
ชินจูกุมีชื่อเสียงด้านสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะ ตรอกโอโมอิเดะ โยโกโช (Omoide Yokocho) ที่รวมร้านอาหารเสียบไม้ย่าง (ยากิโทริ) ในบรรยากาศเก่า ๆ และ ย่านโกลเด้นไก (Golden Gai) ที่มีบาร์เล็กๆ นับร้อยร้านอัดแน่นอยู่ในตรอกแคบ ๆ
ทั้งนี้ หากต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวาย สามารถแวะพักผ่อนหย่อนใจได้ที่ สวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen) ซึ่งเป็นสวนสวยขนาดใหญ่ที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศสไว้ด้วยกัน
จังหวัดยามานาชิ/ชิสึโอกะ (Yamanashi/Shizuoka) - ชมสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น
หลังจากสัมผัสความทันสมัยในโตเกียวแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางออกจากเมืองกรุง มาสู่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงามและเงียบสงบ ที่นี่คือที่ตั้งของภาพจำ "ประเทศญี่ปุ่น" ที่หลายคนคุ้นเคยจากโปสต์การ์ด นั่นก็คือภาพของภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งตระหง่านอย่างสง่างามนั่นเอง
ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji)
ภูเขาไฟฟูจิ หรือ "ฟูจิซัง" ไม่ได้เป็นเพียงภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่น ด้วยรูปทรงกรวยคว่ำที่สมมาตรอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือฟูจิซังมักจะ "ขี้อาย" และถูกเมฆบดบังอยู่บ่อยครั้ง ช่วงเวลาที่จะเห็นได้ชัดที่สุดคือในฤดูหนาว (ประมาณเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์) ที่อากาศแจ่มใส ดังนั้นการได้เห็นฟูจิซังแบบเต็มตาถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่งในการมาเที่ยวญี่ปุ่น
และหนึ่งในจุดชมฟูจิที่สวยและเดินทางสะดวกที่สุดคือบริเวณ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือในทะเลสาบ หรือขึ้นกระเช้า Kachi Kachi Ropeway เพื่อชมวิวฟูจิคู่กับทะเลสาบจากมุมสูง
นอกจากนี้ ภาพของเจดีย์ 5 ชั้นสีแดงสด (Chureito Pagoda) ที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง คือหนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น สถานที่แห่งนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวและช่างภาพทั่วโลกต้องมาเก็บภาพให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงซากุระบานหรือใบไม้เปลี่ยนสีจะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ
หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai)
ที่นี่คือหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงจาก บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 8 บ่อ ซึ่งเป็นน้ำที่เกิดจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิละลายและไหลซึมผ่านชั้นหินลาวาใต้ดินมานานหลายสิบปี ทำให้น้ำในบ่อมีความใสสะอาดและเย็นเฉียบเป็นพิเศษ การเดินเที่ยวญี่ปุ่นในหมู่บ้านให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคไปในชนบทของญี่ปุ่น ทั้งบ้านไม้โบราณหลังคามุงจาก กังหันน้ำ และทางเดินเล็ก ๆ ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศดี
นอกจากนี้ บ่อน้ำแต่ละบ่อมีความลึกและสีที่แตกต่างกันไป บางบ่อเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใสจนมองเห็นฝูงปลาคาร์ปแหวกว่ายอยู่ด้านล่าง นักท่องเที่ยวสามารถดื่มน้ำแร่บริสุทธิ์จากแหล่งน้ำที่จัดไว้ให้ได้อีกด้วย ในหมู่บ้านมีของอร่อยขึ้นชื่อที่ใช้น้ำแร่จากฟูจิเป็นส่วนประกอบ เช่น เต้าหู้เย็น ขนมโมจิย่าง (คุสะโมจิ) และผลไม้ตามฤดูกาล เป็นการปิดท้ายการเยี่ยมชมที่สมบูรณ์แบบ
โซนคันไซ (Kansai) - ดื่มด่ำวัฒนธรรมดั้งเดิมและสีสันยามค่ำคืน
หลังจากเต็มอิ่มกับความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิแล้ว เราจะพาทุกท่านเดินทางสู่ภาคตะวันตกกันต่อที่ โซนคันไซ (Kansai) ภูมิภาคที่เปรียบเสมือนจิตวิญญาณและศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นโบราณ ที่นี่มีบรรยากาศ สำเนียง และผู้คนที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน
เสน่ห์ของคันไซอยู่ที่การรวมตัวกันของสองเมืองที่มีคาแรคเตอร์ต่างกันสุดขั้ว เกียวโต (Kyoto) อดีตเมืองหลวงที่ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยมนต์ขลังของวัดวาอาราม ศาลเจ้า และวัฒนธรรมดั้งเดิม กับ โอซาก้า (Osaka) เมืองท่าอันคึกคักที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นครัวของชาติ และมีสีสันยามค่ำคืนที่ไม่เป็นสองรองใคร
เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งกันที่เมืองแรก "เกียวโต" กันได้เลย
เกียวโต (Kyoto) อดีตเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม
หากโตเกียวคืออนาคตที่ล้ำสมัย เกียวโตก็เปรียบเสมือนหัวใจและจิตวิญญาณของญี่ปุ่นในอดีตที่ยังคงมีลมหายใจ ที่นี่คืออดีตเมืองหลวงที่ยาวนานกว่า 1,000 ปี ทำให้ทุกย่างก้าวในเมืองเต็มไปด้วยมนต์ขลังของประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามที่งดงาม ศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ สวนหินที่สงบนิ่ง หรือแม้กระทั่งการได้เห็นเกอิชาเดินอยู่ในย่านกิออน เกียวโตจะทำให้คุณรู้สึกราวกับว่ากาลเวลาเดินช้าลง พร้อมให้เราได้ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างแท้จริง
วัดคิโยมิสุเดระ (Kiyomizu-dera Temple) หรือวัดน้ำใส
ไฮไลท์สำคัญที่สุดของวัดนี้คือ ระเบียงไม้ขนาดใหญ่ ที่สร้างยื่นออกมาจากหน้าผาโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว เป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมไม้ของญี่ปุ่นโบราณ และยังเป็นจุดชมวิวเมืองเกียวโตที่งดงามจับใจ โดยเฉพาะในช่วงซากุระบานและใบไม้เปลี่ยนสี
สำหรับที่มาของชื่อ "วัดน้ำใส" มาจาก น้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ที่ไหลลงมาเป็น 3 สาย เชื่อกันว่าแต่ละสายให้พรต่างกันไป ได้แก่ ความสำเร็จด้านการเรียน, ความสมหวังในความรัก และการมีสุขภาพดีอายุยืนยาว นักท่องเที่ยวนิยมต่อแถวใช้กระบวยรองน้ำมาดื่มเพื่อขอพร ทั้งนี้ การเดินขึ้นไปยังตัววัดจะได้ผ่าน ถนนซันเน็นซากะและนินเน็นซากะ (Sannenzaka & Ninenzaka) ซึ่งเป็นถนนสายอนุรักษ์ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านไม้โบราณ ร้านค้าของที่ระลึก ร้านขนม และโรงน้ำชา ให้บรรยากาศเกียวโตแบบดั้งเดิมอย่างแท้จริง
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
ภาพจำของศาลเจ้าแห่งนี้ที่โด่งดังไปทั่วโลกคือ อุโมงค์เสาโทริอิ (Torii Gate) สีแดงอมส้มที่เรียงรายต่อกันเป็นแนวยาวนับหมื่นต้นตลอดเส้นทางเดินขึ้นเขาอินาริ เสาเหล่านี้เป็นเสาที่ผู้มีจิตศรัทธาและบริษัทต่าง ๆ นำมาถวายเพื่อขอพรให้กิจการรุ่งเรือง และทั่วบริเวณศาลเจ้าจะพบกับรูปปั้นสุนัขจิ้งจอก หรือ "คิทสึเนะ" (Kitsune) อยู่มากมาย เพราะในความเชื่อของญี่ปุ่น สุนัขจิ้งจอกคือผู้ส่งสารของเทพเจ้าอินาริซึ่งเป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยวและธุรกิจการค้า
สำหรับคนที่มีเวลาและพลังงาน การเดินตามอุโมงค์เสาโทริอิไปจนถึงยอดเขาเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ระหว่างทางจะพบกับศาลเจ้าย่อย ๆ และจุดพักชมวิวที่สวยงาม ทำให้เห็นอีกมุมหนึ่งของศาลเจ้าที่นอกเหนือจากจุดถ่ายรูปมหาชน
ป่าไผ่ อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Grove)
การได้เดินอยู่ท่ามกลางต้นไผ่สีเขียวสูงชะลูดที่ขึ้นหนาแน่นจนแสงแดดส่องลงมาได้เพียงรำไร พร้อมกับฟังเสียงลมที่พัดผ่านต้นไผ่ เป็นความรู้สึกที่สงบและงดงามราวกับหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ทางเดินที่ทอดยาวผ่านกลางป่าไผ่คือจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือน เป็นเส้นทางสั้น ๆ แต่สร้างความประทับใจได้อย่างมหาศาล แนะนำให้ไปช่วงเช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด
นอกจากนี้ ป่าไผ่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ย่านอาราชิยามะ เท่านั้น บริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมาก เช่น สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) ที่ทอดข้ามแม่น้ำ วัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji Temple) ที่มีสวนสวยงาม และร้านค้า ร้านอาหารน่ารัก ๆ มากมาย ทำให้สามารถใช้เวลาเที่ยวญี่ปุ่นในย่านนี้ได้ตลอดทั้งวัน
โอซาก้า (Osaka) เมืองแห่งของอร่อยและแสงสี
หากเกียวโตคือเมืองแห่งความสงบและวัฒนธรรม โอซาก้าก็คือเมืองเพื่อนบ้านที่เต็มไปด้วยพลังงาน ความสนุกสนาน และที่สำคัญที่สุดคือของอร่อยมาก เพราะโอซาก้าได้รับการขนานนามว่าเป็น "ครัวของชาติ" เพราะเป็นศูนย์รวมของอาหารเลิศรสในราคาย่อมเยา ผู้คนที่นี่มีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง บรรยากาศของเมืองจึงเต็มไปด้วยความคึกคักทั้งกลางวันและยามค่ำคืน เป็นเมืองที่สายกินและสายช้อปปิ้งจะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน
ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) และป้ายกูลิโกะ (Glico Running Man Sign)
โดทงโบริคือถนนเลียบคลองที่เป็นหัวใจของโอซาก้า ที่นี่คือแหล่งรวมสตรีทฟู้ดและร้านอาหารชื่อดังมากมายจนนับไม่ถ้วน คุณจะได้พบกับของอร่อยขึ้นชื่อของโอซาก้าแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ทาโกะยากิ (ขนมครกญี่ปุ่นไส้ปลาหมึก) โอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) คินริวราเมน (ราเมนร้านมังกร) และปูยักษ์จากร้าน คานิโดราคุ
จุดเด่นที่สุดของย่านนี้คือป้ายไฟโฆษณาขนาดมหึมาที่ประดับประดาอยู่เต็มสองฝั่งคลอง โดยเฉพาะ ป้ายนักวิ่งกูลิโกะ ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของโอซาก้า การมาโพสท่าเลียนแบบนักวิ่งกูลิโกะบนสะพานเอบิสึถือเป็นภารกิจสำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องทำ
ทั้งนี้ เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ย่านโดทงโบริจะยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้น แสงไฟนีออนจากป้ายต่าง ๆ จะส่องสว่างสะท้อนกับผืนน้ำในคลอง สร้างบรรยากาศที่คึกคักและน่าตื่นตาตื่นใจ เป็นย่านที่เหมาะกับการเดินเล่น ช้อปปิ้ง และหาของกินอร่อยๆ ในยามค่ำคืนที่สุด
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
ปราสาทโอซาก้าคือหนึ่งในปราสาทที่สำคัญและมีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น สร้างขึ้นโดยท่านโชกุนโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ เพื่อแสดงถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ในยุคนั้น แม้จะถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง แต่ก็ยังคงความสง่างามและเป็นสัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองโอซาก้ามาจนถึงปัจจุบัน
ภายในตัวปราสาท 8 ชั้น ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของปราสาทและชีวประวัติของท่านโชกุนฮิเดโยชิ มีทั้งชุดเกราะซามูไร อาวุธโบราณ และแบบจำลองเหตุการณ์การรบที่น่าสนใจ นอกจากนี้บนชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของปราสาท เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้าได้โดยรอบ บริเวณรอบปราสาทยังเป็น สวนสาธารณะขนาดใหญ่ (Osaka Castle Park) ที่ร่มรื่น เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยม และเป็นสถานที่ชมดอกซากุระและดอกบ๊วยที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของเมือง
สำหรับใครที่อ่านจบแล้วอยากเก็บกระเป๋าไปสัมผัสประสบการณ์เหล่านี้ด้วยตัวเอง แต่ไม่อยากเหนื่อยกับการวางแผนเดินทางที่ซับซ้อน การเลือกเดินทางไปกับผู้เชี่ยวชาญก็เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม ลองเข้ามาดูโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น จาก Ban Holiday สิครับ เราได้รวบรวมเส้นทางยอดฮิตสำหรับมือใหม่ไว้ให้คุณเลือกแล้ว รับรองว่าสะดวกสบาย เที่ยวญี่ปุ่นครบ จบในโปรแกรมเดียว